วิธีทำบุญง่ายๆ เพิ่มพลังบุญทวีคูณ ลงทุนน้อย ได้มากกว่า ตามแนวหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
การทำบุญเสริมบุญบารมีตัวเองเป็นการสร้างสมความดี หลายคนอาจมองว่าทำบุญแล้วทำไมยังไม่มีอะไรดีขึ้น อานิสงส์ของการทำบุญและพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ยังอยู่ไม่ได้หายไปไหน แต่ทว่ายังส่งผลไม่ได้จนกว่ากรรมชั่วหรือกรรมดำนั้นจะลดลง จึงจะเข้าไปส่งผลกับชีวิตของเราได้
หลายคนอาจมองว่าการทำบุญเป็นเรื่องยุ่งยากต้องไปทำที่วัดต้องใช้เวลานานบางคนก็ไม่มีเวลา วันนี้เราจะพาไปดูวิธีการทำบุญเพิ่มพลังบุญง่ายๆ กัน ซึ้งบางวิธีอาจจะทำได้ง่ายกว่าที่เราคิด?
1. การเพิ่มพลังบุญแบบไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว
เคล็ดวิชานี้ เป็นของท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านสอนไว้ว่า
เวลาตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ท่องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิตในวันใหม่
ก่อนกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้า
ออกจากบ้าน เห็นคนอื่นเค้ากระทำความดี เป็นต้นว่าเห็นเค้าใส่บาตรพระ จูงคนแก่ขามถนน ก็ให้นึกอนุโมทนากับเขาด้วย
เดินผ่านเห็นดอกไม้บูชาพระวางขายอยู่ ก็ให้เอาจิตนึกอธิฐานขอถวายดอกไม้เหล่านั้นเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ แล้วอย่าลืมอุทิศบุญให้พ่อค้า แม่ค้าดอกไม้นั้นด้วย
เวลาไปไหนมาไหน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมถวายไฟเหล่านั้นบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆบูชา
2. การเพิ่มพลังบุญด้วยเงินน้อย แต่ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่
การสร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่นใดก็ตาม รวมถึงธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ สามารถทำได้ แม้แต่ผู้ที่มีเงินน้อย การทำบุญนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมาก เหมือนที่หลายๆ คนในปัจจุบันเข้าใจและติดเป็นค่านิยมกัน การทำบุญทุกอย่างไม่ว่าจะบุญเล็ก บุญใหญ่ ให้ทำตามแต่กำลังของเราที่สามารถจะทำได้ และต้องไม่เดือดร้อนตัวเอง
แม้แต่เงินสลึงเดียวก็สามารถสร้างมหากุศลได้ ขอให้เพียงเงินนั้นบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปเบียดเบียนของใครมาก็พอ และที่สำคัญเจตนาตอนที่ทำ ต้องบริสุทธิ์ มีความยินดีในบุญที่ทำ เกิดความสุขและความอิ่มเอมใจ นั่นแหละมหากุศลทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ยังสร้างมหากุศลได้ โดยการใช้แรงกายแรงใจในการช่วยก่อสร้าง หรือแม้แต่การไปชักชวน ป่าวประกาศให้คนมาร่วมสร้างบุญ และขออนุโมทนาบุญกับคนเหล่านั้นด้วยทุกครั้ง ก็จะได้บุญมากเช่นเดียวกัน อยู่ที่เจตนาและความตั้งใจเป็นที่ตั้ง
สรุปสั้นๆ ว่าการทำบุญนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าใดก็ได้บุญเช่นกัน ยิ่งการทำบุญใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมากหรือสังคม บุญนั้นก็จะมากขึ้นทวีคูณ ไม่มีวันหมด อาทิเช่น สังฆทาน สร้าง โรงทาน วิหาร อุโบสถ ถนน เป็นต้น จนกว่าสิ่งก่อสร้างหรือศาสนสถานนั้นๆ ที่ร่วมสร้างจะพังทลายไป
3. การเพิ่มพลังบุญด้วยเงินน้อย แต่ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่
การสร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่นใดก็ตาม รวมถึงธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ สามารถทำได้ แม้แต่ผู้ที่มีเงินน้อย การทำบุญนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมาก เหมือนที่หลายๆ คนในปัจจุบันเข้าใจและติดเป็นค่านิยมกัน การทำบุญทุกอย่างไม่ว่าจะบุญเล็ก บุญใหญ่ ให้ทำตามแต่กำลังของเราที่สามารถจะทำได้ และต้องไม่เดือดร้อนตัวเอง
4. การสวดภาวนา ให้ได้บุญมากขึ้น
การสวดภาวนา คาถาศักดิ์สิทธิ์ หรือมนตราอันศักดิ์สิทธิ์นั้น ถ้าได้ทำอย่างถูกวิธีนั้น จะเป็นการเพิ่มบุญให้กับตัวเอง เพราะพลังบุญ พลังอำนาจของพระคาถาและมนตรานั้น จะถูกดึงเข้าสู่ตัวผู้สวดด้วย เคล็ดวิธีมีอยู่ว่า โดยก่อนสวดนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิที่พร้อมจะสวดแล้ว ขอให้ตั้งจิตให้มั่นแล้วอุทิศบุญทั้งหมดที่ตนเคยทำมานั้น ส่งให้แด่ครูบาอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของคาถาหรือมนตรานั้นๆ ด้วย
ซึ่งเป็นการเชื่อมบุญรูปแบบหนึ่ง และหลังจากนั้น ก็อธิฐานขอมีส่วนร่วมในบุญของท่าน และขอมีส่วนร่วมในบุญของผู้อื่นที่ได้สวดคาถาและมนตราศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วย เมื่อใดตามที่มีคนอื่นสวดและกระทำเหมือนกับเรา เราก็ได้บุญเพิ่มทุกครั้ง
แม้แต่เงินสลึงเดียวก็สามารถสร้างมหากุศลได้ ขอให้เพียงเงินนั้นบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปเบียดเบียนของใครมาก็พอ และที่สำคัญเจตนาตอนที่ทำ ต้องบริสุทธิ์ มีความยินดีในบุญที่ทำ เกิดความสุขและความอิ่มเอมใจ นั่นแหละมหากุศลทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ยังสร้างมหากุศลได้ โดยการใช้แรงกายแรงใจในการช่วยก่อสร้าง หรือแม้แต่การไปชักชวน ป่าวประกาศให้คนมาร่วมสร้างบุญ และขออนุโมทนาบุญกับคนเหล่านั้นด้วยทุกครั้ง ก็จะได้บุญมากเช่นเดียวกัน อยู่ที่เจตนาและความตั้งใจเป็นที่ตั้ง
สรุปสั้นๆ ว่าการทำบุญนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าใดก็ได้บุญเช่นกัน ยิ่งการทำบุญใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมากหรือสังคม บุญนั้นก็จะมากขึ้นทวีคูณ ไม่มีวันหมด อาทิเช่น สังฆทาน สร้าง โรงทาน วิหาร อุโบสถ ถนน เป็นต้น จนกว่าสิ่งก่อสร้างหรือศาสนสถานนั้นๆ ที่ร่วมสร้างจะพังทลายไป
5. การทำบุญด้วยการต่อชีวิตสัตว์ ให้ได้บุญมากขึ้น
การทำบุญปล่อยชีวิตสัตว์หรือต่อชีวิตสัตว์นั้น หลายคนเรียกว่า เป็นการสะเดาะเคราะห์ ซึ่งก็แล้วแต่จิตจะพาไป แต่ในความเป็นจริงก็คือ เป็นการทำบุญใหญ่ เป็นการช่วยต่อชีวิต ต่อโชคชะตา ให้เวลากับสัตว์ที่กำลังจะถึงตายให้ได้มีชีวิตอีกครั้ง และเคล็ดลับสำคัญก็คือ ก่อนที่จะปล่อยสัตว์นั้นๆ เมื่อได้ซื้อมาหรือเจอ ณ ที่ใดก็ตาม ให้นำไปถวายกับพระสงฆ์เสียก่อน เพื่อเพิ่มบุญให้มากขึ้น เหตุเพราะว่าพระสงฆ์ที่รับนั้นท่านบริสุทธิ์ และมีศีลมากกว่าเรา ท่านย่อมมีบุญมากกว่าเรา ยิ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญมากแล้ว บุญนั้นจะเพิ่มเป็นหลายเท่า จากนั้นก็ขอผาติกรรมชำระหนี้สงฆ์ซื้อคืนมาจากท่าน ด้วยเงินเท่ากับจำนวนที่เราซื้อสัตว์นั้นๆ มา วิธีนี้เป็นการเพิ่มบุญอีกเท่าตัว ได้ทั้งทำบุญต่อชีวิตสัตว์ และชำระหนี้สงฆ์ด้วย หลังจากนั้นก็นำไปปล่อยในที่อันสมควร
อานิสงส์ของการทำบุญด้วยวิธีนี้ ถ้าใครที่ทำได้ตามนี้ บุญที่ได้จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า จากการที่ไปซื้อมาแล้วก็ไปปล่อยตามยถากรรม วิธีนี้นอกจากได้บุญน้อยแล้ว แถมยังได้บาปกลับมาด้วย ดังนั้นจะทำบุญทั้งที ควรฉลาดในการทำบุญด้วย
6. การทำสังฆทานให้ได้อานิสงส์บุญมากขึ้น
การทำสังฆทานควรทำให้ครบทั้งปัจจัยสี่ มีอาหาร (คาว-หวาน-ผลไม้-น้ำ) เครื่องนุ่งห่ม (ผ้าไตรจีวร หรือ ผ้าขนหนูสีสุภาพ) ยารักษาโรค และควรเพิ่มหนังสือธรรมะเข้าไปด้วย เพื่อให้จิตใจของเจ้ากรรมนายเวรซึ้งในรส พระธรรม มีจิตใจที่เย็นสบายพ้นทุกข์
เคล็ดลับสำคัญ เครื่องสังฆทานและอาหารเหล่านี้ เราควรที่จะต้องไปถวายแด่พระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญสูง แต่ถ้าหาไม่ได้หรือไม่ทราบ ให้เรานั้นตั้งจิตอธิฐานถวายแด่พระพุทธเจ้าโดยตรงและพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ เพื่อให้อานิสงส์ของบุญจะได้มากขึ้นทบทวี และหลังจากนั้นก็ให้อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งหมด และควรกรวดน้ำหลังทำบุญทุกครั้ง เพื่อให้พระแม่ธรณีและเทพเทวาทั้งปวงท่าน เป็นพยานในการทำบุญครั้งนี้
สรุป
เมื่อท่านได้ทราบว่า ทำบุญอะไร แล้วได้รับอานิสงส์ของการทำบุญเป็นอย่างไร สมควรช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้อื่นได้ทราบด้วย เพราะเป็นการให้คนได้รู้ถึงอานิสงส์ของทำบุญในแต่ละอย่าง จะได้จำสืบต่อกันไปอย่างถูกต้อง
ดังนั้น จึงสรุปว่า การทำบุญอะไรก็ตาม เมื่อได้ทำบุญแล้ว ก็ได้รับผลบุญในทันที กล่าวคือ ขณะที่ทำบุญนั้น สภาพจิตของเราตรงนั้นเป็นอย่างไร สุขใจไหม สบายใจไหม ภูมิใจไหม ตรงนี้ไม่ต้องถาม หวังว่า ท่านที่เคยทำบุญมาแล้วก็จะตอบตนเองได้อย่างแจ่มแจ้งทีเดียว
เมื่อเราได้ทำบุญ ผลของการทำบุญ จะให้อานิสงส์ไม่เหมือนกัน บุญบางอย่าง ก็ให้ผลโดยตรง แต่บุญบางอย่าง ก็ให้ผลโดยอ้อมไม่ตรงทีเดียว ในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่า อานิสงส์แห่งการทำบุญนั้นไม่เหมือนกัน และผลบุญที่เราได้ทำนั้น รอให้ผลอยู่ตลอดเวลาแก่ผู้ที่ได้ทำบุญไว้ ตราบเท่าที่ยังมีผลบุญอยู่ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำบุญไว้ ถ้าไม่ประมาท ถึงแม้ไม่มีอะไรจะทำบุญ เพียงแต่เห็นคนอื่นเขาทำบุญ แล้วทำใจให้เลื่อมใส ก็เป็นอันได้ทำบุญเหมือนกัน บุญชนิดนี้ เรียกว่า บุญด้านปัตตานุโมทนามัย (บุญจากการอนุโมทนาบุญ)
“หลวงปู่ดู่” แนะ คำอธิษฐานเวลาทำบุญ “คำเดียวสั้นๆ” ได้ผลดี ครอบคลุมทั่วถึงทุกๆประการ
เวลาทำบุญควรอธิษฐานอย่างไร?
คนส่วนใหญ่เวลาทำบุญมักจะอธิษฐานว่า ขอให้รวย ขอให้สุขภาพแข็งแรง ขอให้ได้เลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ
แต่ที่จริงแล้วมีคำอธิษฐานที่ง่าย สั้น ครบวงจร และเป็นประโยชน์ครบถ้วนกว่ามาก
“หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ” เคยสอนเรื่องนี้ไว้ว่า เวลาทำบุญให้อธิษฐานสั้น ๆ ไปเลยว่า
“ขอให้พบแต่ความดี … ไม่มีความทุกข์”
นิพพานะ ปัจจโย โหตุ
เพราะคำว่า “ความดี” นั้นรวมครบหมด ทั้งรวย สุขภาพดี มียศตำแหน่ง มีคนรักและเมตตา ฯลฯ
ส่วน “ความทุกข์” นั้นก็หมายถึงตัดสิ่งไม่ดีออกหมดทุกอย่าง ไม่มีทุกข์ ไม่มีโรคภัย ไม่มีอุปสรรค ไม่มีศัตรู ฯลฯ
ที่สำคัญคือ การพบแต่ความดีนั้นสำคัญมาก
ดังนั้น เวลาทำบุญครั้งใด อธิษฐานง่าย ๆ ก็ได้เช่นกันว่า
“ขอให้พบแต่ความดี … ไม่มีความทุกข์”!!
นิพพานะ ปัจจโย โหตุ
เพราะถึงแม้เราจะขอพรจนร่ำรวยได้จริง แต่ถ้าไม่มีความดี เงินนั้นเราอาจเอาไปเล่นพนัน ไปซื้อยาบ้า สุดท้ายก็พาไปนรก
แม้จะมียศตำแหน่ง แต่ถ้าปราศจากความดีก็อาจเอาตำแหน่งนี้ไปข่มเหงรังแกคนอื่น คดโกงประเทศชาติ ก็มีนรกเป็นที่ไป
หรือแม้จะมีแต่คนรัก คนเมตตา แต่ถ้าหากเราไม่ดี เราก็อาจกลายเป็นคนเจ้าชู้ หลอกคนนี้ให้รัก คนนั้นให้หลง สุดท้ายก็ทะเลาะตบตีกันและไปนรกกันทั้งหมู่
“การขอให้พบความดี” จึงถือเป็นพรอันสำคัญที่สุด เพราะผู้ที่จะทำความดีต้องมีปัญญาพอที่จะรู้ว่าความดีมีประโยชน์เช่นใด
ดังนั้น เมื่อมีปัญญา แม้จะเกิดมาจนก็ใช้ปัญญาหาเงินจนรวยได้ แม้จะเกิดมาต่ำต้อยก็ใช้ปัญญาทำงานหายศตำแหน่งมาได้ไม่ยาก หรือแม้จะเกิดมาไม่มีใครรัก แต่หากมีปัญญารู้จักพูดจา ใคร ๆ ก็จะหันมารัก
ที่สำคัญคือ เมื่อมีปัญญาก็รู้ว่า ความชั่วไม่มีประโยชน์และไม่ควรทำ ความดีมีแต่ประโยชน์และควรทำ ดังนั้นจึงเป็นผู้มีความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า มีแต่สุคติเป็นที่ไป ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข
ส่วนคำว่า นิพพานะ ปัจจโย โหตุ
ที่โบราณาจารย์ท่านให้อธิษฐานแบบนี้ก็แปลว่า
จงเป็นพลวปัจจัยแก่การเข้าถึงนิพพาน
เพราะชีวิตในสังสารวัฏ อันยาวไกลนี้มันแสนอันตราย ด้วยอวิิชชาที่ครอบงำสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ทำให้ชีวิตหลงผิดไปทำผิดพลาด จึงต้องมีคำอธิฐานนี้กำกับไว้เสมอเพื่อที่จะทำให้เราผลทุกข์อย่างแท้จริง
การทำบุญด้วยวิธีใดก็ตาม ขณะทำขอแค่ทำด้วยใจอันบริสุทธิ ศรัทธาและเลื่อมใส ในสิ่งที่ทำสิ่งได้กลับมาเห็นผลเร็วกว่าบุญ คือ ความสุขใจ สบายใจ
แชร์ต่อบอกบุญอนิสงค์ ธรรมทาน
ที่มา...https://www.phuea-khun.com/tum-bun-noi-hai-dai-mak/