วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

แจกสูตรชาบำรุงตา ดื่มแก้ตาแห้ง แสบตา ได้หายได้ ภายใน 5 วัน!!


แจกสูตรชาบำรุงตา ดื่มแก้ตาแห้ง แสบตา ได้หายได้ ภายใน 5 วัน!!

อาการตาแห้งนั่น บางท่านที่ไปหาหมอแผนปัจจุบัน หมอท่านจะให้หยอดน้ำตาเทียม ซึ่งก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นกับดวงตาได้ดีครับ แต่คนไข้บางรายก็บอกว่ายิ่งหยอดก็ยิ่งแห้ง กลายเป็นว่าต้องหยอดบ่อยๆ เพราะไม่หยอดจะแห้งมาก!!

อาการตาแห้งนั้น หมอแผนโบราณพิจารณาที่ตับ เพราะตาเป็นจุดแสดงสัญญาณของตับ วันไหนที่ตับนั้นรู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย จากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น นอนดึก ท้องผูก ดื่มน้ำน้อย เครียด ทำงานหนักเกินกำลัง ตับก็จะบอกว่าเราไม่ค่อยสบาย เพราะตับนั้นเป็นแหล่งจ่ายเพลิงธาตุกองใหญ่ให้กับร่างกาย แต่กลับอ่อนแอไม่ชอบร้อน!!

โดยเฉพาะท่านที่เครียดและนอนดึก เป็นการทำลายตับทางตรง นี่ยังไม่รวมถึงพวกรักสุขภาพทานอาหารเสริมเป็นอาหารหลัก ทานผักผลไม้สดล้างไม่สะอาดบ่อยๆ ทานถั่วที่มีเชื้อราผสม พวกนี้ทำลายตับทั้งนั้น

วันนี้ให้สูตรชาบำรุงสายตา ใช้รักษาโรคต้อร่วมกับยาสรรพต้อ และตรีผลามหาพิกัด

สูตรชาบำรุงสายตา

1. ดอกอัญชันสด 7 ดอก (เอาเกสรและฐานรองดอกออก)

2. เก๋ากี่ 1 กำ

3. พุทราจีน 3 ลูก

4. ดอกเก็กฮวย 1 กำ

5. น้ำตาลกรวด 1 ก้อน (ประมาณหัวแม่มือ ไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ

1. บุบพุทราจีนและเก๋ากี่ให้พอแหลก ใสลงในหม้อ เติมน้ำ 3-4 ถ้วย ต้มด้วยไฟแรงให้เดือด พอเดือดลดไฟลงกลางๆ ต้มต่ออีก 30 นาที ปิดไฟ เติมน้ำตาลกรวด คนให้ละลาย (น้ำต้มนี้ใช้ได้ 3 ครั้ง หลังจากครั้งแรกก่อนผสมกับข้อ 2 ต้องอุ่นใหม่ทุกครั้ง)

2. ใส่ดอกอันชัญและดอกเก็กฮวยลงในแก้วกาแฟใบใหญ่ เติมน้ำที่ต้มแล้วในข้อ 1 ลงไปให้เต็มแก้ว แช่ทิ้งไว้จนอุ่นหรือเย็น แล้วช้อนเอาเฉพาะกากดอกไม้ออก ส่วนเก๋ากี้และพุทราจีนทานได้

ดื่มตอนท้องว่างวันละ 3 ครั้ง สูตรนี้หากอยากให้ออกฤทธิ์ได้ดีเป็น 2 เท่าจะต้องเติม “จตุผลาธิกะ” ลงไป 1 ช้อนชา จะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นหลายเท่า (หาซื้อได้ตามร้านขายสมุนไพร)

อาการตาแห้งนั้น ต้องแก้ที่เหตุที่ทำให้ตับร้อนอย่างที่กล่าวไปข้างต้น แก้ที่ต้นเหตุ และรักษาปลายเหตุไปพร้อมๆ กันดีที่สุด

แหล่งที่มา…คลินิกสมุนไพรหมอศุภ การแพทย์แผนไทย

บทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพทั้งหมด ทางเว็บไซต์ได้รวบรวมไว้เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้อ่านเท่านั้น จึงไม่สามารถนำไปใช้นำไปอ้างอิงหรือใช้แทนการวินิจฉัยของแพทย์ได้ หากมีการนำข้อมูลในเว็บไซต์ไปใช้ ทางเว็บไซต์จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น จากการนําข้อมูลดังกล่าวไปใช้ ในทุกกรณี โดยไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำอธิบายเพิ่มเติม และควรต้องทราบว่า ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเป็นข้อมูลทั่วๆ ไป ไม่สามารถนำมาใช้ได้กับคนไข้ทุกๆ คน


ที่มา...อยู่เป็น.com